[14 กรกฎาคม 2561]

       การวิ่ง  มีประโยชน์มากมายแต่จะมีคนบางกลุ่มที่ไม่เห็นคุณค่า  และยังกลับมีความว่าการวิ่งมากๆนั้นอาจจะกลับมีโทษ เช่น ทำให้เป็นโรคเข่าเสื่อม หรือน่องใหญ่ ขึ้น การมีความคิดเช่นนี้ทำให้เสียโอกาสของตนอย่างน่าเสียดาย  ดังนั้นเราลองมาดูกันนะคะว่า การวิ่ง ที่ทำอย่างถูกต้องให้ประโยชน์อย่างไรบ้

 

  ประโยชนทางกาย  การวิ่งอย่างถูกต้องอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉลี่ยสัปดาห์ละ ๔ วัน วันละ ๒๐ นาที  ด้วยความเร็วแบบเหยาะจะช่วยให้ 

 

ร่างกายมีความแข็งแรงโดยเฉพาะในส่วนของกล้ามเนื้อและความยืดหยุ่นของปอด  หุ่นที่เพรียวบางดูสมส่วน  การวิ่งเป็นการเผาผลาญพลังงานไขมันที่ดีที่สุด  การเพิ่มสมรรถภาพการทำงานของหัวใจ ช่วยลดอัตราการเสี่ยงของโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดไปเลี้ยง  แม้กระทั่งคนที่เป็นโรคหลอดเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจอุดตันถ้าได้ออกกำลังกาย ผลที่ได้คือ ปริมาณยาที่ทานลดน้อยลง  และที่หัวใจนั้นจะปรากฏเส้นเลือดฝอยใหม่เกิดขึ้นมากมาย เพื่อชดเชยนำเลือดเข้าไปเลี้ยงส่วนที่ขาดเลือดมาก่อน 

           

      คนที่วิ่งสม่ำเสมอนั้น ปริมาณของไขมันดีในกระแสเลือด (HDL) เพิ่มขึ้นเพราะจะช่วยดักจับปริมาณโคเลสเตอรอลให้น้อยลงได้

      ผิวพรรณเปล่งปลั่ง เพราะการวิ่งเป็นการกระตุ้น ระบบไหลเวียนของเลือดให้สูบฉีดไปเลี้ยงอวัยวะส่วนปลายได้มากขึ้น และยังช่วยชะลอความเสื่อมของสภาพผิวเมื่อเวลาผ่านไป 

 

      ระบบไขข้อ เป็นระบบที่ถูกโรคต่างๆรุมเร้ามากที่สุดเมื่อเข้าสู่วัยชรา จะถูกกระตุ้นให้มีการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ และน้ำหนักตัวที่ลดลง ระบบข้อเข้า  ข้อไขสันหลังที่ทำงานแบกรับน้ำหนักจึงทำงานน้อยลงเป็นผลให้มีความเสื่อมน้อยลง 

         

                    เทคนิคการวิ่ง  เทคนิคในการวิ่งการลงเท้าที่ถูกวิธีเป็นสิ่งสำคัญมาก เพื่อป้องกันการบาดเจ็บ โดยส้นเท้าจะสัมผัสพื้นก่อน ทั้งฝ่าเท้าจึงจะตามลงมา และเมื่อปลายเท้าหมุนลงมาแตะพื้นก็เป็นจังหวะที่ส้นเท้าเปิดขึ้น ปลายเท้าก็จะคล้ายตะกุยดิน ถีบตัวเหมือนสปริงดีดตัวขึ้นบนและเคลื่อนไปข้างหน้า จุดที่เท้าสัมผัสพื้นควรตรงกับหัวเข่า งอเข่านิดๆ เท้าควรจะสัมผัสพื้นหลังจากที่ได้เหยียดออกไปข้างหน้า ส่วนอีกเท้าเหวี่ยงไปข้างหลัง ควรจะลงแตะพื้นเบา นักวิ่งส่วนใหญ่จะลงพื้นด้วยริมนอกของเท้าและหมุนเข้าด้านใน ซึ่งการหมุนเข้าด้านในช่วยเป็นเกาะกันกระแทก การลงเท้าและการก้าวเท้าจะช่วยให้วิ่งเร็วขึ้น ส่วนจะก้าวยาวหรือสั้นนั้นขึ้นอยู่กับนักวิ่งว่าต้องการความเร็วแค่ไหน โดยนักวิ่งเร็วจะลงพื้นด้วยปลายเท้าก่อน ส่วนนักวิ่งระยะกลางจะลงพื้นด้วยอุ้งเท้าก่อน และสำหรับนักวิ่งระยะไกลและนักวิ่งเพื่อสุขภาพจะลงด้วยส้นเท้าก่อน

                   ท่าทางในการวิ่ง ควรวิ่งให้หลังตรงและเป็นธรรมชาติมากที่สุด ศีรษะตรง ตามองตรงไปข้างหน้า ให้ส่วนต่างๆจากศีรษะลงมาหัวไหล่และสะโพกจนถึงพื้นเป็นเส้นตรง ลำตัวไม่โน้มไปด้านหน้าหรือเอนไปด้านหลัง  การเคลื่อนไหวของแขนจะช่วยเป็นจังหวะและการทรงตัวในการวิ่ง ขณะวิ่งแขนแกว่งไปมาเหมือนกับลูกตุ้มนาฬิกาไปตามแนวหน้าหลัง พยายามอย่าให้ข้อศอกงอเข้ามาแคบกว่า 90 องศา หัวแม่โป้งวางบนนิ้วชี้สบายๆ กำนิ้วหลวมๆ ข้อมือไม่เกร็ง บางครั้งอาจเหยียดแขนตรงลงมา หรือเขย่าแขนเพื่อให้กล้ามเนื้อคลายตัวบ้างหลังจากยกแขนไว้นาน 

                การหายใจควรหายใจเข้าทางจมูกและปล่อยลมหายใจออกพร้อมกันทั้งทางจมูกและปาก อย่างไรก็ดี ให้ยึดกฎง่ายๆ คือ การหายใจควรเป็นไปตามสบาย และพยายามหายใจด้วยท้อง การหายใจด้วยท้องคือ สูดหายใจเข้าไปในปอดจนท้องขยาย และบังคับปล่อยลมให้ออกมาด้วยการแขม่วท้อง การหายใจไม่ถูกวิธีอาจจะทำให้เกิดการจุกเสียดขณะวิ่งได้ 

 

                                                 Google: นิตยสารหมอชาวบ้าน ฉบับที่ : ๒๘๔

คอลัมน์ :กีฬาบำบัด

 

 

 

 


< ย้อนกลับ